tag:blogger.com,1999:blog-43779927104310032292024-03-07T20:28:05.418-08:00Master Of Economics Group No.13 Blog.Master Of Economics Group 13 Blog Ramkhamhaeng University.M.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-4377992710431003229.post-22857959447067199692011-01-25T21:45:00.000-08:002011-01-25T21:46:36.104-08:00บทที่ 2บทที่ 2<br />ระเบียบวิธีการคำนวณทางสถิติตัวเลขรายได้ประชาชาติและผลผลิต<br /><br />1.จงบอกเปอร์เซ็นต์ของการผลิตภายในประเทศ ปี 2545 ?<br />ตอบ ภาคการเกษตร 10 เปอร์เซ็นต์ ภาคอุตสาหกรรม 36 เปอร์เซ็นต์<br /><br />2.รายได้ประชาชาติ คือ ?<br />ตอบ มูลค่าของสินและบริการขั้นสุดท้ายที่ระบบเศรษฐกิจผลิตได้ในรอบ 1 ปี<br /><br />3.รายได้ประชาชาติได้มาจากอะไร ?<br />ตอบ ผลรวมรายได้ที่บุคคลต่างๆในระบบเศรษฐกิจได้รับในฐานะที่เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตในรอบ 1 ปี<br /><br />4.มีวิธีการคำนวณรายได้ประชาชาติกี่ทาง ?<br />ตอบ<br />1.คำนวณรายได้ประชาชาติจากผลผลิต<br />2.คำนวณรายได้ประชาชาติจากรายจ่าย<br />3.คำนวณรายได้ประชาชาติจากรายได้<br /><br />5.การคำนวณรายได้ประชาชาติ คิดจากอะไรได้บ้าง ?<br />ตอบ<br />1.คิดจากมูลค่าของสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย<br />2.คิดจากมูลค่าเพิ่มของสินค้า<br /><br />6.จงหาค่ารายได้ประชาชาติ ดังต่อไปนี้ ?<br />ตอบ<br />1.นาย ก.เป็นเกษตรกรขายข้าวเปลือกให้โรงสีราคา 100 ล้านบาท<br />2.นาย ข. รับซื้อข้าวเปลือกทั้งหมด ราคา 100 ล้านบาทแล้วนำมาขายทั้งหมดโดยสีเป็นข้าวสาร 130 ล้านบาท<br />3.นาย ค. รับซื้อข้าวสาร เพื่อนำมาบรรจุหีบห่อขายไป 180 ล้านบาท<br />ถาม จงหารายได้ประชาชาติจากมูลค่าขั้นสุดท้าย = 180 ล้านบาท คือ<br />100+30+50 = 180 ล้านบาท คำนวณจากมูลค่าเพิ่มของสินค้า<br /><br />7.จงบอกสูตรการหา GDP ? <br />ตอบ <br />C+I+G+X-M<br />C = Consumtion<br />I = Investment<br />G = Government<br />X = Export<br />M = Import<br /><br /><br />8.เมื่อ GDP = C+I+G+X – M จะสามารถแปลงเป็นการหาค่า GNP ,NNP ,NI อย่างไร ?<br />ตอบ <br />GNP = GDP +Net factor Income from aboard or Net <br />Factor Income Payment from rest of the world (NFP)<br /><br />ปรับค่า NNP = GNP – Provision for Consumssion<br /><br />Sp = GNP +NFP-T+TR+INT – C<br /><br />NNP( At Factor Cost) = NNP – Indirect (tax - subsidies)<br /><br />NNP ( At factor cost ) = NI<br /><br />ปรับเป็นรายหัว<br />Per Capital Income = NI / Population<br />Per GNP = GNP / Population<br />Per GDP = GDP / Population<br /><br />9.จงบอกรายได้ของเจ้าของปัจจัยการผลิต ?<br />ตอบ<br />1.ค้าจ้าง<br />2.ค่าเช่า<br />3.ดอกเบี้ย<br />4.กำไร<br /><br />10.ถ้าสินค้า 10 us โดยรวม ภาษี 0.50 us อะไรคือ Total income และ Total Output คือ ?<br />ตอบ GDP = 10 US รายได้ 9.50 US<br /><br />11.ค่าเสื่อมราคา คำนวณจากอะไร ? c<br />ตอบ GDP = NDP + Depreciation<br /><br />12.ปัจจุบันประเทศไทยใช้ปีอะไรเป็นปีฐานของการคำนวณ GDP แบบ Real GDP ?<br />ตอบ ปี 2546 ( 1988) เป็นปีฐาน<br /><br />13.อะไรที่ทำให้ค่า GDP เปลี่ยนแปลง ?<br />ตอบ <br />Price และ Quantity GDP เปลี่ยนแปลง<br />เปลี่ยนแปลงผลผลิต Real GDP เปลี่ยนแปลง<br />14.จากโจทย์ ?<br /><br />ปี สินค้า A สินค้า B<br /> ราคา จำนวน ราคา จำนวน<br />ปี 2553 2 10 2 10<br />ปี 2554 3 10 4 10<br />จงหา Norminal National Income และ Real National Income using 2554<br />ตอบ <br />(PA * QA) + ( PB*QB)<br /><br />ปี 2553 20+20=40 (3)(10)+(4)(10) = 70<br />ปี 2554 (3)(10)+(4)(10)=70 ( 3)(10)+( 4)(10) = 70 <br /><br /><br />15.อะไรที่ทำให้ Real GDP เพิ่มมากขึ้น?<br />ตอบ <br />1.การเพิ่มขึ้นของปัจจัยการผลิต<br />- ที่ดิน<br />- แรงงาน<br />- ทุน<br />2.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผลผลิต / หน่วย เพิ่ม<br />16.อะไรเป็นปัจจัยให้ส่งเสริมการผลิตเพิ่มขึ้น<br />ตอบ<br />ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่ม ทำให้ผลผลิตต่อบุคคลเพิ่มขึ้นเมื่อปัจจัยการผลิตคงที่<br /><br />17.จากโจทย์จงหา NFP ( Net factor Income Payment form the rest of world )<br /><br />I = 30 <br />G = 30<br />GNP = 20 <br />บัญชีเดินสะพัด( CA) = - 20<br />การส่งออก NX<br />NX+NFP = -20<br />NFP = -2<br />เงินโอนรัฐบาล ( TR=25)<br />ภาษี ( T) = 60<br />ดอกเบี้ยจ่ายรัฐบาล ( INT) = 15<br />โดย CA = NX+NFP<br /><br />จากนั้นให้หา<br />1.GDP<br />2.Consumtion Expenditure (C)<br />3.Net Export<br />4.Private Saving<br />5.Govenment Saving<br />6.National Saving<br /><br /><br />1.GDP = C+I+G+X-M ---------------- > สูตรที่ 1<br />GDP + NFP = GNP<br />GDP = GNP-NFP<br />=200-(-2)<br />GDP = 202<br /><br />2. หา GDP = C+I+G+NX-M -----------------> หาค่า C<br />202 = C+(30)+(30)+(-18)<br />202 = C+42 <br />C = 202-42 <br />C = 160<br /><br />หาค่า(NX) NX + NFP = -20<br />NX = -20-NFP<br /> = -20-(-2)<br />NX = -18<br /><br />4.Private saving<br /><br /> Sp = GDP + NFP – T+TR+INT-C<br /> =202+(-2)-(60)+(25)+(15)-160<br />Sp = 20<br />Sa = T-TR-INT-G<br /> = 60-25-15-30<br /> = -10<br /><br />National Saving <br /><br />S = Sp + Sa<br />S =20+(-10)<br /> S =10<br /><br />แหล่งที่มาของข้อมูล : EC500 เศรษฐศาสตร์ระดับกลางM.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4377992710431003229.post-10663789880730103192011-01-25T21:36:00.000-08:002011-01-25T21:40:08.846-08:00บทที่ 1บทที่ 1<br /><br />1.จงบอกปัญหาของเศรษฐศาสตร์มหภาค ?<br /> ตอบ<br />1.ปัญหาการเติบโตอย่างมีดุลยภาพในระยะยาว<br />2.ปัญหาวัฎจักรเศรษฐกิจ<br />( ลดค่าเงินบาท 2527,เศรษฐกิจฟื้นตัว 2530 ,เกิดการชะลอตัว 2533 ,เกิดฟองสบู่ปี 2540 ) <br />3.ปัญหาการว่างงาน<br />4.ปัญหาความไม่มีเสถียรภาพของระดับราคา<br />5.ปัญหาผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัฒน์<br />6.ปัญหามาตรฐานการดำรงชีวิต<br />7.ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ และดุลการค้า<br />8.ปัญหานโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและสามารถปรับปรุงยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของชาติดีขึ้นได้หรือไม่<br /><br />2.ภาคระบบเศรษฐกิจแบ่งออกเป็นภาคใหญ่ๆมีกี่ภาคอะไรบ้าง ?<br />ตอบ<br /> 1.ภาคการผลิต<br /> 2.ภาคแรงงาน<br /> 3.ภาคการเงิน<br /> 4.ภาคการต่างประเทศ<br /><br />3.Real sector คืออะไร มีตัวแปรอะไรบ้าง ?<br />ตอบ<br /> คือ ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง<br /> ตัวแปรที่สำคัญ<br />1.ผลผลิตรวมของประเทศ ( Total Output ) รายได้ประชาชาติ<br />2.ส่วนกระตุ้น = ส่วนขยาย<br />3.รายได้ประชาชาติ = ความต้องการใช้จ่ายทั้งหมด<br />4.อุปสงค์รวม = อุปทานรวม<br /><br />4.เกิดภาวะเงินเฟ้อเมื่อไร ?<br />ตอบ เมื่ออุปสงค์รวม > อุปทานรวม<br /><br />5.สภาวะเศรษฐกิจถอดถอยเมื่อไร ?<br />ตอบ เมื่ออุปทานรวม > อุปสงค์รวม<br /><br />8.อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้กระทบต่อ อัตราการจ้างต้นทุนการผลิตโดยส่วนรวมการส่งออกและดุลการค้า ?<br />ตอบ อุปสงค์รวมของแรงงาน > อุปทานรวมของแรงงาน<br /><br />9.ทางกลับกันหากทรัพยากรบางส่วนของประเทศไม่ถูกนำเอาไปใช้เป็นประโยชน์จะเกิดอะไรขึ้น ?<br />ตอบ อุปทานของการจ้างงาน > อุปสงค์ของการจ้าง<br /><br />10.ดุลยภาพของภาคการเงินอยู่ที่ใด ?<br />ตอบ เมื่ออุปสงค์ของเงิน = อุปทานของเงิน (เกิดเป็นดุลยภาพของดอกเบี้ย)<br /><br />11.อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพราะเหตุใด ?<br />ตอบ อุปสงค์ > อุปทาน<br /><br />12.จะมีการลดการจ้างงานเมื่อไร ?<br />ตอบ อุปสงค์เงิน > อุปทานเงิน ( เกิดการว่างงานดอกเบี้ยสูง ) <br /><br />13.ภาวะภาคการต่างประเทศ ดุลการชำระเงินของประเทศกรณีใด และสวัสดีการสูญเสีย ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจมากที่สุด ?<br /><br />ตอบ การขาดดุลการชำระเงิน และตัวแปรย่อยต่างๆ คือ<br />เดินบัญชีเงินสะพัด ,การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ,อัตราการแลกเปลี่ยน<br /><br />14.เครื่องมือหลักๆของรัฐบาลที่จะมีวิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีอะไรบ้าง ?<br />ตอบ.<br />1.นโยบายทางด้านการเงิน<br />2.นโยบายทางด้านการคลัง<br />3.นโยบายทางด้านรายได้ <br /><br />แหล่งที่มาของข้อมูล : EC500 เศรษฐศาสตร์ระดับกลาง มร.M.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4377992710431003229.post-77573914807683656222011-01-21T00:44:00.000-08:002011-01-21T00:52:45.399-08:00ตัวอย่างข้อสอบเศรษฐศาสตร์จุลภาค<span style="font-weight:bold;">ตัวอย่างข้อสอบเศรษฐศาสตร์จุลภาค</span><br /><br />ข้อ 1.<br />ตามทฤษฎีความพอใจเท่ากัน ดุลยภาพของผู้บริโภคจะเกิดขึ้นที่จุดซึ่งเส้นความพอใจเท่ากัน...<br />1.สัมผัสกับเส้นงบประมาณ <br />2. ตัดกับเส้นงบประมาณ <br />3. อยู่สูงกว่าเส้นงบประมาณ <br />4. เป็นเส้นขนานกับเส้นงบประมาณ<br /><br />ข้อ 2.<br />ถ้ารัฐบาลเก็บภาษีจากผู้ขาย สินค้าประเภทใดที่ผู้ขายรับภาระภาษีมากกว่าผู้ซื้อ<br /> 1.สินค้าจำเป็นสำหรับผู้บริโภค <br /> 2.สินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง <br /> 3.สินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับผู้บริโภค <br /> 4.สินค้าใช้แรงงานมาก <br /> <br />ข้อ 3.<br />ตามทฤษฎีการผลิตแบบดั้งเดิม ข้อใดเป็นการผลิตขั้นที่ 1 ในการผลิระยะสั้น<br />1. เป็นระยะก่อตั้งกิจการใหม่ <br />2. เป็นช่วงการผลิตที่ MP มากกว่า AP <br />3. เป็นช่วงการผลิตที่ MP เท่ากับศูนย์ <br />4. เป็นช่วงการผลิตที่ MP น้อยกว่า AP <br /><br />ข้อ 4.<br />ณ ปริมาณผลผลิตเท่ากับ 1 หน่วย TR = 40, TC = 50 และผลผลิตเท่ากับ 2 หน่วย TR = 75, TC = 62<br />ณ ปริมาณผลผลิต 1 หน่วย ธุรกิจมีผลประกอบการอย่างไร<br /> 1.ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน <br /> 2.มีผลประกอบการกำไร <br /> 3.มีผลประกอบการเท่าทุน <br />4.มีผลประกอบการขาดทุน <br /><br />ข้อ 5.<br />ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ลักษณะสินค้าเหมือนกันทุกประการหมายความว่า<br /> 1.สินค้าทุกชนิดในตลาดมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ <br />2. สินค้าประเภทเดียวกันของผู้ขายแต่ละราย มีลักษณะเหมือนกัน <br />3.ผู้ซื้อรู้สึกว่าสินค้าที่ซื้อมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ <br /> 4.ผู้ขายสินค้าในตลาดเหมือนกัน <br /><br />ข้อ 6.<br />ในกรณี Ed < 1 ถ้าเรียกเก็บภาษีจากผู้ขาย ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ใครจะรับภาระภาษีกันอย่างไร<br />1. ผู้ซื้อรับภาระภาษีทั้งหมด <br /> 2.ผู้ขายรับภาระภาษีมากกว่าผู้ซื้อ <br />3.ผู้ขายรับภาระภาษีทั้งหมด <br /> 4.ผู้ซื้อรับภาระภาษีมากกว่าผู้ขาย <br /><br />ข้อ 7.<br />ปัญหามูลฐานทางเศรษฐกิจในระดับจุลภาค คือ<br />1. ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ <br />2.ปัญหาจะผลิตสินค้าอะไร อย่างไร เพื่อใคร <br />3. ปัญหาเงินเฟ้อ <br />4 ปัญหาขาดดุลการชำระเงิน <br /><br />ข้อ 8.<br />ข้อใดมิได้เป็นต้นทุนคงที่<br /> 1.ค่าเช่าที่ดิน <br /> 2.ค่าก่อสร้างโรงงาน <br /> 3.ค่าแรงงาน <br /> 4.ค่าซื้อเครื่องจักร <br /><br />ข้อ 9.<br />ความขาดแคลนหรือความหายากในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ทรัพยากรที่<br />1.มีอยู่เฉพาะในชนบทห่างไกลความเจริญ <br />2.มีไม่เพียงพอกับความต้องการ <br />3. ต้องก่อให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค <br />4. เป็นของหายากและราคาแพง <br />5.ที่เป็นของรัฐบาล เอกชนไม่มีสิทธิในการเป็นเจ้าของ <br /><br />ข้อ 10.<br />สินค้าชนิดหนึ่งราคาหน่วยละ 30 บาท ผู้บริโภคที่ต้องการความพอใจสูงสุดจะซื้อสินค้าถึงหน่วยที่<br />1. TU = 30 <br />2.P < 30 <br />3.MU > 30 <br />4.TU > 30 <br />5.MU = 30 <br /><br />ข้อ 11.<br />ตัวเลือกข้อใดเป็นความหมายของกฎว่าด้วยการลดน้อยถอยลงของผลผลิตหน่วยสุดท้าย<br />1. ผลผลิตหน่วยสุดท้ายจะลดลงเสมอ เมื่อหน่วยผลิตขยายกิจการ <br />2. เมื่อใช้ปัจจัยเพิ่มขึ้นทีละหน่วยร่วมกับปัจจัยคงที่ ผลผลิตหน่วยสุดท้ายจะเพิ่มขึ้นในตอนแรก <br />3. ในระยะยาว ผลผลิตหน่วยสุดท้ายจะลดลงเสมอ <br />4. ผลผลิตหน่วยสุดท้ายจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อใช้ปัจจัยแปรผันมากขึ้น <br /><br />ข้อ 12.<br />ราคาสินค้าที่ถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาด เรียกว่า<br />1. ราคาตลาด <br />2. ราคากลางที่กำหนดไว้ให้ตลาดตั้งราคาตาม <br />3. ราคาที่ปรากฏในตลาดและเป็นที่ยอมรับของผู้ซื้อทั่วไป <br />4. ราคาเสนอซื้อของผู้บริโภค <br /><br /><br /><br />ข้อ 13.<br />กำหนดให้ MUx และ MUyมีค่าดังต่อไปนี้<br />ปริมาณสินค้า MUx MUy<br />1 38 36<br />2 37 34<br />3 34 32<br />4 32 30<br />5 30 28<br />6 28 26<br /><br />ถ้านายแดงมีเงิน 7 บาท สินค้า X และ Y ราคา 1 บาทต่อชิ้น<br />นายแดงจะต้องซื้อสินค้า X และ Y อย่างละกี่ชิ้น จึงจะได้รับความพอใจสูงสุด<br /> สินค้า X = 3 และ Y = 4 <br /> สินค้า X = 4 และ Y = 3 <br /> สินค้า X = 6 และ Y = 5 <br /> ผิดทุกข้อ <br /><br />ข้อ 14.<br />เส้นใดต่อไปนี้ที่ขนานกับแกนนอนหรือปริมาณผลผลิต (โดยที่แกนตั้งเป็นต้นทุน)<br />1. เส้นต้นทุนคงที่ทั้งหมด (TFC) <br />2. เส้นต้นทุนทั้งหมด (TC) <br />3. เส้นต้นทุนแปรผันทั้งหมด (TVC) <br />4. เส้นต้นทุนเพิ่ม (MC) <br /><br />ข้อ 15.<br />ค่าเช่าและกำไร ถือว่าเป็นผลตอบแทนของปัจจัยการผลิตใด<br />1.ที่ดินและผู้ประกอบการ <br />2. ทุนและผู้ประกอบการ <br />3. ทุนและที่ดิน <br />4. แรงงานและทุน <br /> <br />ข้อ 16.<br />ในการเก็บภาษีจากผู้ขาย ผู้ขายมีโอกาสผลักภาระภาษีทั้งหมดให้ผู้บริโภค ในกรณีที่อุปสงค์มีความยืดหยุ่น<br />1. มากกว่า 1 <br />2. น้อยกว่า 1 <br />3.เท่ากับศูนย์ <br />4. อินฟินิตี้ <br />5. เท่ากับ 1 <br /><br />ข้อ 17.<br />เมื่อเส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานในสินค้าชนิดหนึ่งตัดกัน กรณีที่เส้นอุปสงค์-อุปทานในสินค้าชนิดหนึ่ง เคลื่อนย้ายไปทางซ้ายมือทั้งเส้นจากเส้นอุปสงค์-อุปทานที่ตัดกันเดิม จะมีผลอย่างไร<br />1. ราคาสินค้าดุลยภาพคงที่ <br />2. ปริมาณซื้อ-ขายดุลยภาพใหม่เพิ่มขึ้น <br />3. ราคาสินค้าลดลงจากเดิม <br />4. ปริมาณซื้อ-ขายดุลยภาพใหม่ลดลง <br /><br />ข้อ 18.<br />ถ้าเรียกเก็บภาษีจากผู้ซื้อ และ Es > 1 สินค้าใดที่ผู้ซื้อรับภาระภาษีมากที่สุด<br />1. สินค้าฟุ่มเฟือย <br />2. สินค้าอุตสาหกรรม <br />3.สินค้าเกษตร <br />4. สินค้าวัตถุโบราณ <br /> <br />ข้อ 19.<br />เศรษฐทรัพย์ คือสินค้าชนิดใดต่อไปนี้<br />1. พลังงานจากโซล่าเซลล์ <br />2. อากาศ <br />3. น้ำในแม่น้ำ <br />4. แสงแดด <br /><br />ข้อ 20.<br />ถ้าเส้น MR กับเส้น AR เป็นเส้นเดียวกัน แสดงว่าหน่วยผลิตอยู่ในตลาดประเภทใด<br />1. ผูกขาด <br />2. แข่งขันไม่สมบูรณ์ <br />3. กึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด <br />4. แข่งขันสมบูรณ์ <br />5. ผู้ขายน้อยราย <br /><br />ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : http://www.testing.in.thM.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4377992710431003229.post-6811048188835531592011-01-11T21:34:00.000-08:002011-01-11T21:37:36.696-08:00เศรษฐศาสตร์จุลภาค Microeconomicsเศรษฐศาสตร์จุลภาค Microeconomics<br /> <br /> เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics) เป็นเศรษฐศาสตร์สาขาหนึ่งซึ่งศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจของบุคคล ครัวเรือน และบริษัท ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะในตลาดซึ่งมีการซื้อขายสินค้าและบริการ เศรษฐศาสตร์จุลภาคศึกษาว่าพฤติกรรมและการตัดสินใจเหล่านี้มีผล กระทบอย่างไรต่ออุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นตัวกำหนดราคา และในทางกลับกัน ราคากำหนดอุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการอย่างไร<br /><br /> จุดประสงค์หนึ่งของเศรษฐศาสตร์จุลภาคคือการวิเคราะห์กลไกตลาดซึ่งเป็นตัวกำหนดราคาเปรียบเทียบระหว่างสินค้าและบริการ และการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดเพื่อใช้ในทางเลือกต่าง ๆ เศรษฐศาสตร์จุลภาคศึกษาเกี่ยวกับความล้มเหลวของตลาด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กลไกตลาดไม่สามารถทำให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพได้ และยังอธิบายเกี่ยวกับข้อแม้ทางทฤษฎีที่จำเป็นต่อการเกิดการแข่งขันสมบูรณ์ สาขาที่สำคัญในเศรษฐศาสตร์จุลภาค เช่น ดุลยภาพทั่วไป ตลาดภายใต้ความไม่สมมาตรของข้อมูล การตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน และการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในทางเศรษฐศาสตร์<br /><br />สมมติฐานและนิยาม<br /> <br /> ในทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานมักตั้งสมมติฐานไว้ว่าตลาดเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการที่มีผู้ขายและผู้ซื้อในตลาดมากมาย และไม่มีใครสามารถส่งผลให้ราคาของสินค้าและบริการเปลี่ยนแปลงได้ (แต่ในโลกความเป็นจริง สมมติฐานนี้มักไม่เป็นจริงเพราะผู้ซื้อหรือผู้ขายบางคนหรือบางกลุ่มมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงราคาได้) ในการวิเคราห์ที่ซับซ้อนบางครั้งต้องกำหนดสมการอุปสงค์-อุปทานของสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้ใช้อธิบายได้ดีในสถานการณ์ที่ไม่ยุ่งยากเกินไปนัก<br /><br />จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี<br />http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=377.0M.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-4377992710431003229.post-611231097709493802010-12-23T00:18:00.000-08:002010-12-23T00:22:20.117-08:00เศรษฐศาสตร์มหภาคเศรษฐศาสตร์มหภาคM.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4377992710431003229.post-27726154167907266422010-12-22T22:00:00.001-08:002010-12-22T22:00:47.693-08:00Blog Home workBlog Home workM.Econ Group 13http://www.blogger.com/profile/03061720628762630345noreply@blogger.com1